ถึง คุณกวาง
สนใจเรียนขับรถ 10 ชม. 2900 บาท ในวันที่ 19-22 ตค. 55 ช่วงเวลา 10.00 - 12.00 น. วันละ 2-3 ชม.ก็ได้ค่ะ หรือมากกว่านั้น
ขอเป็นเกียร์ออโต้นะค่ะ และถ้าจะให้ดีรถที่หัด เป็นฮอนด้าซิตี้รุ่นปัจจุบันค่ะ รวมถึงขอคุณครูที่ใจเย็นนิดนึงนะค่ะ
และไม่ทราบว่า จะการันตีได้มั้ยว่าจะขับรถเป็นเลยในคอร์สเดียว สามารถสอบใบขับขี่ได้เลย
ติดต่อกลับ คุณครูส้มเล็ก 0814246212

ส่งตารางให้แล้วค่ะ ขณะนี้โรงเรียนหยุดตั้งแต่วันที่ 13-17 ตค หนูดูตารางให้แล้วค่ะ เหมือน ช่วงเวลาดังกล่าว ซิตี้จะไม่ว่างเลยคะ ยังไงรบกวนติดต่อโรงเรียนวันที่ 18 ตค อีกทีก็ได้ค่ะ เผื่อมีนักเรียนท่านไหนยกเลิก ไม่ confirm ตาราง

ส่วนเรื่องการันตี บอกแบบครบถ้วน ไม่ปิดบัง ไม่บิดเบือนข้อเท็จจริง โรงเรียนพาไปทำใบขับขี่จนกว่าจะผ่านอยู่แล้วค่ะ เหมือนโรงเรียนอื่นๆ แต่ไม่สามารถการันตีได้ว่า 1 คอร์ส 10 ชม จะขับเป็นเลย การเรียนขับรถ ไม่แตกต่างไปจากการเรียนอื่น ๆ การเรียนในห้องเรียน เรียนดนตรี ครูเป็นปัจจัยนึง แต่ขณะเดียวกันตัวนักเรียนเองเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุด ในห้องเรียนครูสอนคนเดียว มีทั้งนักเรียนที่สอบได้ที่ 1 สอบได้ที่โหล่ หรือบางคนซ้ำชั้น เพราะกระบวนการเรียนรู้ ทักษะ พัฒนาการแต่ละคนต่างกัน สมาธิ สติ ปัญญา ความแม่นยำและรวดเร็วในการตัดสินใจต่างกัน ซึ่งเรื่องพวกนี้มีผลต่อการเรียนขับรถทั้งสิ้น สำหรับการขับออโต้ พื้นฐานไม่ได้มีอะไรมาก เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง บางครั้งไม่ถึงชั่วโมงด้วยซ้ำครูสามารถสอนให้นักเรียนเคลื่อนรถได้ บังคับรถได้ แต่ขับได้ดีบนถนนหรือป่าว แต่ละคนจะแตกต่างกัน บางคนเรียนมากกว่า 1 คอร์สก็มีค่ะ ดังนั้นจึงไม่สามารถการันตีได้ เพราะอย่างที่แจ้งว่านักเรียนแต่ละท่านต่างกันจริงๆ อายุ วัย เพศ นิสัย ก้ล้วนมีผลต่อการขับรถ อายุเยอะ ขี้กลัว เพศหญิง จะเป็นยากกว่า ผู้ชาย พื้นฐานจะตัดสอนใจได้รวดเร็วและแม่นยำกว่า แต่ผู้หญิงจะค่อนข้างรอบคอบ และมีความกลัวมากกว่าผู้ชาย บางครั้งจะเปลี่ยนเลนส์เปลี่ยนไม่ค่อยได้ กลัว วับรุ่นจะเป็นเร็วกว่าคนสูงอายุ เนื่องจาก วัยรุ่นจะใจกล้า คนสูงอายุค่อนช้าคิดช้าทำช้า และขี้กลัว โรงเรียนไม่สามารถบอกได้ว่าใครจะเป็นหรือไม่เป็นภายใน 1 คอร์ส เพราะครูจะไม่ได้เห็นการขับของผู้ที่จะมาเรียน


สิ่งที่โรงเรียนสอนขับรถหลาย ๆ โรงเรียนปกปิดข้อเท็จจริง คือ คำพูดที่บอกว่า พาไปทำใบขับขี่จนกว่าจะผ่าน คำพูดนี้ทำให้นักเรียนทุกคนเข้าใจว่าเป็นการการันตีว่าขับรถเป็นแน่นอน แต่จริงๆ แล้ว การมีใบขับขี่ ไม่ได้บอกว่าเราสามารถรถรถได้บนถนนนะคะ เพราะขับรถบนนถนน beyond ไปมากกว่านั้น นอกจากต้องใช้ทักษะในการขับรถ การควบคุมอารมณ์ สมาธิ สติ ความแม่นยำและรวดเร็วในการตัดสินใจ ก็เป็นสิ่งที่สำคัญยิ่ง เรื่องพวกนี้ต้องใช้เวลากับมันนิดนึงในการเรียนขับรถ การที่เค้าพูดแค่ว่าพาไปทำใบขับขี่จนกว่าจะผ่าน แล้วที่เหลือไม่ได้บอกมันคือการปกปิดข้อเท็จจริง เพื่อให้นักเรียนไปตีความกันเอาเองว่าการที่เค้าโฆษณาว่าจะพาไปทำใบขับขี่จนกว่าจะผ่าน คือการการันตีว่าขับได้ การพูดแบบนี้ไม่ได้บิดเบือนข้อเท็จจริงแต่อย่างใด แต่แค่บอกไม่หมดว่ามีใบขับขี่ใช่ว่าขับบนถนนได้ ทำไมมีใบขับขี่ถึงขับบนถนนไม่ได้ เพราะดังจะเล่าต่อไปนี้ บางโรงเรียนมุ่งเน้นการสอบใบขับขี่ เพราะจำนวนชั่วโมงส่วนใหญ่ของคอร์ส จะอยู่ในสนาม ต่อให้ได้ขับวนในสนาม ข้อที่ไม่มีใครคิดกัน คือ ในสนามเดินรถทางเดียว ไม่ต้องระวังเพื่อนในเลนส์ข้างเคียงเหมือนบนถนน ไม่ต้องคิด ไม่ต้องตัดสินใจ เวลาส่วนใหญ่ เรียนท่าสอบ ท่าจอด ออกถนน คือ วิ่งพานักเรียนจากโรงเรียนไปสนาม จากสนามกลับโรงเรียน ถ้าจะเรียนแค่ท่าสอบใช้เวลาแค่ประมาณ 2-3 ชม ก็ชำนาญ แต่กลายเป็นว่า 1 คอร์สต้องเรียนท่าสอบ ต้องวนอยู่ในสนามทั้งคอร์ส พอนักเรียนสอบใบขับขี่ผ่านครั้งแรก ก็จะดีใจ และเข้าใจว่าตนพร้อมใช้รถและถนนแล้ว จะรู้ก็ต่อเมื่อนำรถไปขับบนถนนจริงๆ แล้วทำอะไรไม่ได้สักอย่าง ต้องหาโรงเรียนเรียนเพื่ออกถนนอีกครั้ง พอถามว่ามันมีเหตุผลของการทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร ก็เพราะ 1. ประหยัดต้นทุนค่าแกส ค่าน้ำมัน เพราะรถแทบไม่ได้เร่ง ไม่ได้เหยียบคันเร่งเลยเวลาอยู่มนสนาม 2. ลดความเสี่ยงของอุบัติเหตุในการพานักเรียนออกถนน  เพราะรถโรงเรียนส่วนใหญ่ไม่ได้ทำประกัน จึงทำให้การเรียนส่วนใหญ่อยู่นสนามและมุ่งเน้นไปเพื่อการสอบใบขับขี่ ดังจะเห็นจากหลายๆ กระทู้ที่บอกว่าสอนแต่ท่าสอบใบขับขี่ หรือให้วนอยู่ในสนาม หรือหมู่บ้าน ปล แต่จริงๆ การเข้าหมู่บ้านได้ประโยชน์มากกว่าเข้าสนาม สำหรับการฝึกพื้นฐาน หมู่บ้านจำลองถนนจริงๆ คือต้องเดินรถในช่องทางเดินรถ ดังนั้นจะได้ฝึกบังคับรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถของตนเอง ได้ฝึกเลี้ยวซ้ายและเลี้ยวขวา ในสนามจะเดินทางรถเดียว จะได้แค่ไม่เลี้ยวซ้ายก็เลี้ยวขวา ไม่ต้องระวังว่าจะอยู่ในเลนส์ของตัวเองหรือป่าว


แต่ที่ของเรา หรือบางที่แต่เป็นจำนวนไม่มาก back to basis ค่ะ คนจะมีใบขับขี่ได้ต้องขับรถได้ ดังนั้นการเรียนเน้นออกถนน เก็บประสบการณ์ จากนั้นคาบสุดท้ายถึงจะได้เรียนท่าสอบ เพื่อไปสอบ ส่วนใหญ่ใบขับขี่เป็นผลพลอยได้มาจากการที่เค้าขับได้จริง ครูบางท่าน ถ้าเห็นว่าไม่พร้อมขับ ก็จะไม่สอนท่าสอนให้นะคะ จนกว่าจะเพิ่มเวลา บอกข้อบกพร่องไปตรง ๆว่า ขับแบบนี้ มีใบขับขี่ไปก็เกิดอุบัติเหตุ ซึ่งครูไม่ได้ประชด เอาจริงๆ คือ ความหวังดี เพราะอุบัติเหตุบางครั้งไม่ได้แค่ทรัพย์สินเสียหาย บางทีถึงแก่ชีวิต จนกว่าจะแก้ไขจุดบกพร่องที่ครูแจ้งมาได้ ถึงจะสอนท่าสอบ ก็มีเป็น case จริงในชีวิตค่ะ เอาจริงๆ หนูกับคุณครูก็ไม่ได้อยากให้นักเรียนเพิ่มเวลาหรอก เพราะคอร์สชั่วโมงน้อย กำไรหนูก็มากขึ้น บางคนจะเข้าใจว่าอยากจะให้เพิ่มชั่วโมงอย่างเดียว จริง ๆ ไม่ใช่แน่นอนค่ะ หนู confirm คือถ้าไม่ไหวจริงๆ จำเป็นต้องเพิ่มก็ควรเพิ่ม แต่เอาเป็นว่าส่วนใหญ่เกิดจากการตัดสินใจของนักเรียน โดยที่บางครั้งครูก็ลงความเห็นว่าขับได้แล้วค่ะ เพราะจะทราบได้เองทันที เวลาที่ครูให้ขับบนถนน มันมีอะไรต้องเรียนรู้อีกเยอะ แต่ละวันออกถนนไป เจออะไรไม่ซ้ำกัน