ถ้าช่วงนี้ไปเรียนขับรถ (กว่าจะได้ใช้รถจริงๆก็เดือนกค.เลยค่ะ ) ไม่ทราบว่าจะลืมวิชาหมดรึป่าวค่ะ หรือว่าควรไปเรียนประมาณเดือนไหนดีค่ะ

ขอตอบแบบ เป็นความเห็นความตัวนะคะ อ้างอิงจากประสบการณ์ของคนหลาย ๆ คน ไม่ใช่เปะ ๆ ที่เป็นงามวิจัยนะคะ

จะตอบว่าการขับรถเป็น เป็นทักษะอย่างหนึ่ง เป็น skill ค่ะ ถ้าขับเป็นแล้วทิ้งช่วงไปนาน สำหรับตัวพี่ พี่คิดว่าไม่มีทางลืมหมดแบบ completely เพียงแต่ความชำนาญและความคุ้นเคยมันจะลดน้อยลง ทำให้พอกลับไปขับหลังจากทิ้งช่วงไปนาน มันจะ งง เก้ๆกังๆ เพราะมันยังไม่ชิน แต่จะขนาดลืมว่าก่อนออกตัว ต้องเหยียบเบรค แล้วค่อยๆปล่อยเบรคเพื่อให้รถมันไหล พี่ว่ามันเป็นไปไม่ได้ ที่จะลืมแบบสิ้นเชิง ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นกลับพฤติกรรมของผู้เรียนเองด้วย เรียนตอนนี้จบไป จากนั้นอาทิตย์ 2 อาทิตย์ เอารถคุณพ่อคุณแม่มาวนช้า ๆ รอบซอย รอบหมู่บ้าน เป็นประจำ เพื่อให้คุ้นเคยกับรถ ฝึกการตัดสินใจ เก็บเกี่ยวประสบการณืไป รอวันที่เราได้รับรถ เมื่อนั้นรถเราที่ออกใหม่ป้ายแดง ก็ไม่ต้องเสี่ยงกับคำว่ามือใหม่ของเรา เพราะตั้งแต่เราเรียนจบ เราฝึกอยู่เป็นประจำ ถ้าเราเรียนช่วงที่เราใกล้ ๆ ได้รับรถ ข้อด๊เราพึ่งจบใหม่ แต่ข้อเสียรถเราจะต้องถูกขับโดยคนที่ได้ชื่อว่า มือใหม่ ซึ่งอารมณ์ของคนขับรถป้ายแดงทุกท่าน ไม่ว่ามือเก่า มือใหม่ จะมีความวิตกจริตในตัวนิดนึง ด้วยที่ว่าเป็นรถใหม่จะค่อนข้างกลัว จะเฉี่ยวจะชน เวลาขับจะทำให้ความมั่นใจหายไปนิดนึง เรียกว่าเกร็งนั่นแหละ ส่วนนี้ก็จะไปทำงายความมั่นใจในการขับรถไปนิดนึงแล้ว ประกอบกับความเป็นมือใหม่ พึ่งเรียนจบ ซึงถ้าประมาทนิดหน่อย รถใหม่ป้ายแดงของเราอาจจะมีรอยขีดข่วนนิดหน่อยได้ค่ะ

แต่ถ้าที่บ้านหนูไม่มีรถให้ทดลอง หลังจากเรียนจบ เพื่อนก็ใจดำ เคสแบบนี้เรียนใกล้ๆ รับรถดีกว่า แต่ถ้ามีรถให้ได้ฝึกบ้าง พี่ก็ไม่สนับสนุนให้เรียนช่วงนี้ แต่ควรเป็นสักสองถึงสามเดือนก่อนหน้าที่จะได้รับรถ เวลาเดือน สองเดือน ถ้าฝึกบ่อย ๆ รอวันรับรถ จะได้เก่ง ๆ น่าจะเป็นผลดีกับหนูมากกว่า ที่สำคัญวางแผนการเรียนล่วงหน้านิดนึง เช่น ควรอรียนอย่างน้อย 1  เดือนก่อนได้รับรถ เนื่องจากว่า ต้องประมาณเวลาเรียนใช้เวลากี่วัน สอบใบขับขี่อีก บางคนมาเรียนแบบรถรับอาทิตย์หน้า แต่ยังขับไม่ได้ ไม่มีใบขับขี่ แบบนี้ทั้งครูผู้สอน ทั้งตัวนักเรียนจะอยู่ในภาวะกดดัน ซึ่งภาวะนี้มันมีผลหลายๆ อย่าง ทั้งต่อการขับรถ ทั้งต่อการสอบใบขับขี่ กดดันมากว่าจะต้องสอบผ่าน ไม่ผ่านไม่ได้ มันจะทำพาลให้สอบไม่ผ่านก็เยอะ ซึ่งจริง ๆ สอบไม่ผ่านมันไม่เป็นไรหรอก เด้วเราก็ไปสอบซ่อมได้ แต่การสอบซ่อมก็มีกติกา ตรงที่ว่าต้องห่างจากการสอบครั้งแรก 3 วัน ถ้าต้องรีบใช้ใบขับขี่ขนาดนั้นก็อาจจะไม่ทันได้ หรือถ้าเกิดเราเป็นคนที่ชอบโดดเรียน ถึงเวลาเรียนแล้ว cancel กว่าจะจบคอร์ส 3 เดือนก็มี ดังนั้นพี่แนะนำว่าวางแผนล่วงหน้านิดนึงดีกว่าค่ะ ใช้รถเดือน กค อย่างน้อยเดือนมิถุนา ควรมีใบขับขี่ในมือแล้ว แต่จะเรียนเมื่อไหร่ก็ได้แต่ก่อนขับรถควรมีใบขับขี่ให้ถูกต้อง โดยที่ต้องขับรถเป็นแล้วด้วยนะ

ถ้าจากที่อ่านมาหลายคนจะมองว่า ถ้าจบไปไม่ฝึก ก็ไม่เป็น ดังนั้นไม่ต้องมาเรียนกับโรงเรียนสอนขับรถก็ได้ หัดเองก็ได้ ขับรถไม่ได้ยาก วลีนี้สำหรับพี่ก็ว่าถูกต้อง การขับรถไม่ได้ยากอะไร ให้พ่อให้แม่สอนเราก็เป็นได้ มาเรียนกับทุกโรงเรียนผลลัพธ์ไม่แตกต่างกัน โรงเรียนสอนขับรถสอนให้หนูขับเป็นได้ พ่อแม่หนูก็สอนให้หนูขับเป็นได้ แต่การขับรถให้เก่ง และปลอดภัย ขึ้นอยู่กับระยะเวลาในการฝึกฝน ถ้าหนูเรียนจบไปจากโรงเรียนสอนขับรถ แล้วไม่ฝึกเลยมันไม่ได้แปลว่าเราจะขับเก่ง พี่บอกแล้วว่าการขับรถเป็นทักษะ เหมือนกันกับการจะเรียนรู้อะไรสักอย่าง ฝึกบ่อยๆ เท่านั้นถึงทำให้เราเก่ง เราจะสามารถทำได้ดีขึ้น เหมือนที่หลายคนพูดว่าการขับรถต้องเก็บเกี่ยวประสบการณ์เยอะ ๆ เราถึงจะเรียกว่าเราขับรถเก่ง แต่ทำไมบางคนต้องมาเรียนกับโรงเรียนสอนขับรถ

1. สอนกันเอง ทะเลาะกันเอง ไม่ใช่ว่าพ่อเราขับรถไม่เก่ง เค้าอาจจะขับรถเก่ง แต่เค้าไม่มีความสามารถในการถ่ายทอด เหมือนคนเป็นครู ซึ่งจะต้องรู้ว่า นักเรียนบกพร่องอะไร แก้ไขให้ถูกต้อง ต้องสร้างแรงจูงใจอย่างไร เพื่อให้คนเรียนมีพัฒนาการที่ดี
2. ที่บ้านไม่สามารถยอมรับความเสี่ยงที่จะเกิดกับรถได้ รถโรงเรียนมีประกัน นักเรียนรับผิดชอบจ่ายค่าเรียน เกิดอุบัติเหตุนักเรียนไม่ต้องรับผิดชอบ รถโรงเรียนมีการ modify มาแล้วมีเบรคทั้ง 2 ข้าง มีตัวล๊อกคันเร่งเพื่อควบคุมว่าระหว่างเรียนต้องใช้ความเร็วไม่เกินเท่าไหร่ให้อยู่ในระดับที่ปลอดภัย ถ้าที่บ้านสอนให้เวลาสอนก็ไม่กล้าพาออกถนน ได้แต่อยู่ในที่โล่ง ทำให้นักรียนขาดทักษะที่จำเปนบางอย่าง เพราะโรงเรียนสอนขับรถต้องเริ่มจากพื้นฐานในสนาม จนพาออกถนนใหญ่
3. มีคนอำนวยความสะดวกเวลาไปทำใบขับขี่ จริงๆทำเองได้หมด แต่ปัญหาอยู่ที่ไปถึงแล้ว งง ไม่รู้ต้องเริ่มจากอะไรก่อน ติดต่อใครที่ไหนอย่างไร

เป็นต้นค่ะ ทำให้หลายคนมาเรียนขับรถ ทั้งที่หลายคนบอกว่า ไม่จำเป็นต้องไปเรียน ดังนั้นถ้าถามตัวเองแล้ว ที่บ้านเรารับข้อ 2 ได้พี่ฟันธงให้เลยว่าให้ที่บ้านสอนก็ได้ค่ะ ประหยัดค่าใช้จ่าย เพราะจริงๆ แล้ว สอนกันเองทะเลาะกันเอง ไม่ใช่ประเด็นที่สอนแล้วทำให้เราไม่สามารถขับรถได้ แต่เพราะเป็นความห่วงรถห่วงคน กลัวอุบัติเหตุมากกว่า  เวลาที่อะไรนิดหน่อยก็จะว่าแล้วก็พาลทะเลาะกัน สาเหตุเกิดจากข้อ 2 นั่นแหละ โดยส่วนตัวพี่ ย้อนไปเมื่อนานมาแล้ว พี่ก็ไม่ขับรถเป็นเพราะโรงเรียนสอนขับรถนะ พ่อพี่สอนให้ ก็ทะเลาะกัน ว่าพี่โง่อย่างนั้นอย่างนี้ ฝึกตั้งแต่อยู่ ป. 6 แต่มาสอบใบขับขี่ได้ เพราะโรงเรียนสอนขับรถ เค้ารู้ท่าสอบและเทคนิคการสอบใบขับขี่ เลยสอบผ่านได้

ลองอ่านดูนะคะ เก็บเอาไว้เป็นประสบการณื เพื่อประกอบการตัดสินใจ

ตอนแรกก็ให้เพื่อนสอนค่ะ สอนได้อยู่ 2 วัน ดันไปชนกะเสาไฟฟ้า :y: เพื่อนเลยไล่ให้ไปเรียนเลยค่ะ เพราะที่โรงเรียนมีหลักการและวิธีที่เป็นมาตรฐานกว่า


ขอบคุณนะค่ะสำหรับคำแนะนำ แล้วจะมาสมัครเรียนที่นี่แน่นอนค่ะ

ได้ค่ะ ยินดีต้อนรับเสมอ ระหว่างนี้ก็ลองหาข้อมูล สอบถามข้อมูลจากหลาย ๆคนไปก่อน เอาไว้เป็นความรู้ภาคทฤษฎีก่อนจะได้ปฏิบัติจริงก็ดีค่ะ แล้วเจอกันนะคะ