Webmaster

Webmaster

Admin

25 Oct 2013 20:19 #41

สวัสดีค่ะ กรณีของคุณ D-Max เวลาเปลี่ยนเกียร์แล้วรถกระตุก แก้วิธีนี้ดูนะคะ ลองค่อยๆๆปล่อยคลัชช้าาาาา อย่าปล่อยเร็ว ปล่อยให้เหลือครึ่งนึง ลาคลัชไว้จนว่าเครื่องจะนิ่งแล้วค่อยยกเท้าออกจากคลัชนะคะ ตอนนี้รถใหม่อาจจะยังไม่รู้จังหวะรู้ใจ ค่อยๆฝึกกับมันให้ชิน เด้วพอรู้ใจกัน รับรองไม่มีกระตุก

ถ้าพูดในตัวแทนสอนขับรถ ที่ครูสอนจนทำให้ติดคลัช กลัวว่าปล่อยแล้วดับ น่าจะเป็นเพราะเวลาเราเรียน ครูมักจะไม่ให้ใช้ความเร็ว หรือหลายๆโรงเรียนไม่ได้พาออกถนนใหญ่ อยู่ในสนาม ซึ่งเนื้อทีี่มันไม่มาก จนไม่ได้ใช้ความเร็ว พอเรียนขับรถ ความเร็วอยู่ในระดับที่เรียกว่าช้า โอกาสจะดับย่อมเป็นไปได้มากค่ะ เด้วจะเบรค จะขับ เพราะเดี๋ยวเลี้ยว เดี่ยวหยุด เดี่ยวดับ ทำให้ต้องประคองคลัชตลอดเวลา เพื่อให้ดับน้อยที่สุด ถามว่าครูผิดมั้ย เอาจริงๆพอเข้าใจได้ ไม่ได้เข้าข้างเพื่อนร่วมอาชีพนะคะ ถ้ารถช้ามากๆๆ จะต้องเบรค ครูรุ้ว่าเด้วจะต้องดับ ก่อนจะดับ ต้องให้ันักเรียนลาคลัชก่อน เพื่อจะได้ไม่ดับ ลองได้วิ่งทางยาวบ่อยๆสิค่ะ รับรองเดี๋ยวเลิกนิสัยนี้เองแหละ เมื่อรู้จังหวะรถเราด้วยนะ เก่งได้ไม่ยากค่ะ

เรื่องผู้หญิงขับรถแย่ 555+ มันเป็นเรื่องของสถิติมากกว่า  ป่าวววว จริงๆ  ความถนัด และความสนใจของแต่ะบุคคลไม่เหมือนกัน ผู้หญิงโดนบังคับขับรถ ทั้งๆที่ไม่อยาก มันก็ย่อมทำได้ไม่ดี ดูสิ โลกนี้คนเก่งภาษา มักตกเลข คนเก่งเลขมักไม่ได้ภาษา ผู้ชายที่เรียนเกียร์ธรรมดาแล้วไม่ประสบความสำเร็จก็เยอะแยะ อย่างที่นี่ ผู้หญิงเรียนเกียร์ธรรมดามากกว่าผู้ชายนะ ช่างครู อย่าได้แคร์ จำไว้แค่ว่า คำพูดแบบนี้ มี 2 ทางให้เลือก

1. เป็นแรง Drive ให้เราก้าวกระโดด และเก่งได้ในอนาคต
2. เป็นตัว block potential ของเรา จนสุดท้าย ทำมันไม่ได้

ตอนนี้ก็แค่ว่าจะเลือกที่จะเป็นแบบไหน ครูเค้าส่งเราแค่นี้....เอาใจช่วยค่ะ

Webmaster

Webmaster

Admin

D-Max

D-Max

Guest

26 Oct 2013 07:55 #42

ขอบคุณมากๆเลยค่ะสำหรับคำแนะนำ แต่ตอนที่เรียนกับโรงเรียนสอนขับรถ ดิฉันแทบไม่ได้เรียนในสนามเลยค่ะ เขาให้ออกถนนใหญ่ตลอดและต้องใช้ความเร็วค่ะ และหลายคนที่เรียนมาจากที่นี่จะขับรถแบบเดียวกันค่ะ คือมาที่ความเร็ว 80-100 พอจะเบรค ก็จะติดการเหยียบคลัชตลอดเวลา จนมีความรู้สึกว่าทำไมดิฉันใช้คลัชเปลืองมากค่ะ (และหลายครั้งที่ดิฉันและเพื่อนที่เรียนมาจากที่เดียวกันเกือบหลุดโค้ง)

ส่วนการขึ้นทางชัน ดีใจมากเลยค่ะที่ได้รู้วิธีการใช้เบรคมือช่วยค่ะ เพราะที่เรียนมา เขาจะให้ใช้วิธีเลี้ยงคลัชระหว่างรถติดอยู่บนเนิน ซึ่งเคยสอบถามกับทางครูสอนเหมือนกันค่ะว่ามีวิธีอื่นไหมนอกจากการเลี้ยงคลัชตลอดเวลาแบบนี้ เขาตอบกลับมาว่า หากจะให้ใช้เบรคมือช่วยระหว่างรถติดบนเนิน ให้กลับไปลองทำเอาเองที่บ้าน ทางครูจะไม่สอนให้ค่ะ ซึ่งพอเวลาที่ขับรถเอง ไปคนเดียวแล้วรถติดจอดค้างบนคอสะพาน ปรากฏว่าเราเลี้ยงคลัชไม่ถูกจังหวะค่ะ รถดับตลอด (ดับติดๆกันประมาณ 5 ครั้ง) แล้วถอยหลังครูดลงมา คันหลังแทบหัวใจจะวายเลยค่ะ :q:

อาทิตย์นี้ ดิฉันจะลองนำเอาวิธีนี้ไปฝึกใช้ค่ะ ทั้งเรื่องลดการเหยียบคลัชที่ไม่จำเป็น และการใช้เบรคมือช่วยเวลาขึ้นเนินค่ะ อุตส่าห์ลงเรียนกับโรงเรียนแถวบ้าน หมดเงินไปเป็นหมื่น เขายังไม่เคยสอนดิฉันได้ละเอียดเท่าคุณเลยค่ะ :^_^::^_^:

ขอบคุณสำหรับเทคนิคดีๆที่คุณแนะนำดิฉัน และใครอีกหลายๆคน มันทำให้ดิฉันมีกำลังใจที่จะขับรถต่อค่ะ เพราะตอนแรกรู้สึกแย่มากที่ขับรถได้ไม่ดี จนแทบอยากจะขายรถทิ้งเลยค่ะ :y:

D-Max

D-Max

Guest

nut

nut

Guest

26 Oct 2013 11:36 #43

เข้ามาเป็นกำลังใจให้อีกคน เป็นผู้หญิงขับรถเหมือนกันค่ะ ขับ D-Max เหมือนกันค่ะ จำเป็นต้องขับกะบะเพราะคุณพ่อเสีย ตอนแรกก็รู้สึกแย่ตื่นเต้นมากๆ โดยเฉพาะเวลาขึ้นสะพาน เรียนมาหลายที่ไม่รู้เรื่องเลยสักที่ จนสุดท้ายมาเรียนที่สไมล์ไม่รู้ว่าเพราะเรียนมาหลายที่หรือครูสอนดี แต่ยกให้ครูสอนดีดีกว่าค่ะ เพราะเรียนที่นี่รู้สึกว่าเข้าใจที่ครูพูดกว่าที่อื่น (ทั้งๆ ที่ครูพูดไม่ค่อยชัด)

ตอนนี้ผ่า่นมาได้สักระยะแล้วค่ะ ขับเก่งขึ้นเยอะ ทำให้รู้ว่าประสบการณ์เท่านั้นที่จะช่วยเราได้ พอขับไปบ่อยๆ แล้วเราจะเข้าใจไปเอง ครูจะสอนให้เราได้รู้วิธีการขับรถที่ถูกต้องและเทคนิคบางอย่าง แต่ถ้าเราไม่ฝึกฝนเองยังไงก็ไม่เป็น

สู้ๆ นะคะ ไหนๆ ก็ออกรถมาแล้ว เด๋วก็เก่งค่ะ

nut

nut

Guest

Webmaster

Webmaster

Admin

26 Oct 2013 13:05 #44

จริงๆ ค่ะ โรงเรียนสอนขับรถ สอนได้แค่พื้นฐาน และเทคนิคต่างๆ ได้แค่จำนวนนึง แม้ว่าเวลาสอนจะพาออกถนนจริงก็เถอะ เพราะเอาเข้าจริง ในชีวิตจริง แต่ละวันที่เราออกถนน เพื่อนร่วมทางต่างไป สถานการจราจรต่างกันไป สภาพถนนแต่ละเส้นสายที่ไปต่างกันไป สภาพอากาศต่างไป สภาพจิตใจเราแต่ละวันไม่เหมือนกัน ทุกอย่างเป็นปัจจัยที่มีผลต่อการขับรถ และเทคนิคที่จะนำมาประยุกต์ใช้ในการขับรถแตกต่างกันไป มันมีอะไรให้เรียนรู้อีกมากมายบนถนน เอาเป็นว่าแม้แต่ครูเองก็เถอะ ยังเจอมาไม่ครบทุกสถานการ์เลย แต่บางอย่างไม่เจอก็ดีกว่านาา  มันไม่เหมือนกันเลยในแต่ละวัน แล้วเวลาเรียนเรามีจำกัดเพียง 10 ชม 15 ชม มันไม่มีทางที่ครูจะสอนเราได้ทุกอย่างเพราะแต่ะวันที่ครูพาออกถนนมันแตกต่างกันไปทุกวัน เมื่อจบไปมันต้องอาศัยฝึกเป็นประจำ ขับบ่อยๆ ตอนแรกไม่เก่ง เรามีเทคนิคไม่เยอะ เบื้องต้นให้รู้ว่าขับยังไงให้รถเคลื่อนตัว บวกกับความระมัดระวัง ไม่ประมาท เดี๋ยวต่อไปเราก็จะเก่ง และมีเทคนิคเยอะแยะ เหมือนคนอื่น แล้วอะไรที่เรียนรู้ด้วยตนเอง แตกฉานด้วยตนเอง มันมักจะไม่ค่อยลืม เค้าถึงได้บอกว่า ขับรถไม่ยาก จะให้เก่งต้องเก็บชั่วโมงบิน หลายคนบอกว่างั้นไม่ต้องเรียนก็ได้ ใช่ค่ะ ถ้ามีรถ ใจกล้า สอนกันเองได้ ฝึกบ่อยๆ เก่งได้เหมือนคนที่เรียนขับรถ แค่โรงเรียนสอนขับรถมีไว้เป็นทางเลือก ให้แต่ละคนเท่านั้น มีครูแนะนำพื้นฐานการขับที่ถูกต้อง มีรถ ไม่ต้องเอารถตัวเองไปเสี่ยง มีเบรคด้านข้างไว้ช่วยยามฉุกเฉิน ซึ่งเหล่านี้รถตัวเองไม่มี มันแค่เป็นทางเลือกจริงๆ เพราะต่อให้เรียนจบ คุณไม่จับรถ ไม่ขับรถ มันก็ไม่มีประโยชน์อะไรเพิ่มพูนขึ้นมา นอกจากมีใบขับขี่พกไว้ให้หนักกระเป๋า วันใดวันนึงต้องกลับมาขับ สนิมก็ขึ้น กังวล ลนลาน เพราะไม่ได้ขับมานาน สุดท้ายเรียนมา หรือ ไม่เรียนมีค่าเท่ากัน ฝึกให้เยอะๆ ช่วงฝึกระวังให้มากๆ 

 ว่าครูเค้า ครูติดทองแดงนิดเดียว พูดชัดนะ แค่ติดอ่างบ้างเวลา มีคนแซว 

Webmaster

Webmaster

Admin

D-Max

D-Max

Guest

26 Oct 2013 22:41 #45

ขอบคุณมากๆเลยนะคะ สำหรับคำแนะนำดีๆ และกำลังใจให้ลูกผู้หญิงขับรถกระบะ (มือใหม่แบบแกะกล่องเลยค่ะ) พรุ่งนี้ดิฉันจะเอารถ D-Max ไปลุยทุกทฤษฎีที่ดิฉันได้รับคำแนะนำมาค่ะ จะเปลี่ยนจากทฤษฎีเป็นการปฏิบัติจริง ดิฉันเคยบอกตัวเองเสมอ ว่าอะไรที่ผู้ชายทำได้ ผู้หญิงก็ทำได้เช่นกัน และอาจจะทำได้ดีกว่า (ก่อนหน้านี้ เคยเจอผู้ชายพูดประมาณว่า เป็นผู้หญิง แล้วไม่เคยจับรถเลย อายุก็เยอะอย่างดิฉัน ไม่มีวันขับรถได้ ยิ่งรถกระบะ ยิ่งไม่มีทาง ดิฉันถึงรีบจอง D-Max ยกสูง และลงเรียนขับรถสะสมมานาน เกือบ 40 ชม. เลยค่ะ ) ตอนแรกที่ขับรถของตัวเอง มันเสียเซลฟ์มากค่ะ เปลี่ยนเกียร์ก็กระตุก ขึ้นทางชันก็ไหล เข้าโค้งทีไรเหยียบคลัชก่อนทุกครั้งแม้จะขับมาที่ความเร็ว 100 กม. จนเข้าโค้งแล้ววืด เกือบเอารถไม่อยู่ค่ะ น่าเสียดายตรงที่โรงเรียนของคุณ อยู่ไกลจากบ้านดิฉันมาก ถ้าไม่อย่างนั้น ฉันคงเลือกเรียนกับคุณ เพราะฉันคิดว่า การเรียนขับรถกับโรงเรียนที่ดี และครูที่ดี อย่างน้อยชีวิตของเรา รถเราก็ไม่เสี่ยงเกินไปค่ะ ดิฉันขอให้โรงเรียนของคุณ และทีมงานสอนทุกคนอยู่เป็นเสมือนพี่เลี้ยงให้กับนักขับไปนานๆค่ะ ดิฉันขอเป็นกำลังใจให้กับพวกคุณทุกคนค่ะ:-_-:

D-Max

D-Max

Guest

D-Max

D-Max

Guest

27 Oct 2013 17:05 #46

วันนี้ลองไปขับมาค่ะ เรื่องการเปลี่ยนเกียร์แล้วรถกระตุก ลองใช้วิธืที่คุณแนะนำมา วันนี้ขับได้ราบเรียบขึ้นค่ะ ประกอบกับพยายามให้ความเร็วของรถ รอบต้องสัมพันธ์กับเกียร์ อาการขับรถแล้วรถสั่นๆ กระชากตัวแรง หายเรียบค่ะ เพราะก่อนหน้านี้ เวลาออกตัวตรงสี่แยกไฟแดง ออกด้วยเกียร์ 1 และเหยียบคันเร่งจนความเร็วขึ้นมาประมาณ 20 กม. แล้วจึงเปลี่ยนเป็นเกียร์ 2 ผลคือ รถกระตุกแรงมาก ขับไม่นิ่มค่ะ วันนี้ก็ลองเปลี่ยนใหม่ พอออกตัวด้วยเกียร์1 ใส่คันเร่งนิดนึง พอความเร็วประมาณ 10 กม. ก็ใส่เกียร์ 2 รู้สึกว่ามันขับนิ่มขึ้น ความเร็วก็ไม่ตกมาก เครื่องยนต์ก็ไม่อื้อค่ะ ฉันขับแบบนี้ถูกแล้วหรือเปล่าคะ
เรื่องที่สอง คือการใช้เบรคมือช่วยเวลารถติดตรงคอสะพาน วันนี้ก็ไปหาสะพานโล่งๆลองทำดูค่ะ อืมม ครั้งแรกพอปลดเบรคมือแล้ว รถพุ่งไปข้างหน้า แล้วเครื่องก็ดับค่ะ เป็นเพราะอะไรคะ ทั้งๆที่ดิฉันดึงเบรคมือแล้ว จากนั้นก็เหยียบคลัชแล้วเข้าเกียร์1 ปล่อยคลัชครึ่งนึง แล้วใส่คันเร่งนิดนึงจนเครื่องยนต์ดัง แล้วเอาเบรคมือลง ได้เรื่องเลยค่ะ รถพุ่งตัวไปข้างหน้าแล้วดับ และไหลลงมาคอสะพานเรียบร้อยค่ะ ดิฉันลืมขั้นตอนไหนไปรึเปล่าคะ

เรื่องสุดท้าย คือการใช้คลัชเท่าที่จำเป็น วันนี้ขับที่ความเร็ว 60-100 กม. พอเวลาจะลดความเร็ว ดิฉันใช้วิธีแตะเบรค แล้วปล่อย แล้วแตะเบรคอีกครั้งจนความเร็วลดลง แล้วจึงเหยียบคลัช ลดเกียร์ลง รู้สึกขับรถสบายขึ้นมากค่ะ เพราะก่อนนี้ เอะอะก็จะเหยียบคลัชก่อนเสมอ แล้วค่อยเหยียบเบรค แม้จะมาด้วยความเร็วสูงก็ตาม จนเท้านี่แทบจะพันกันแล้วค่ะ ต้องขอบคุณวิธีการที่คุณแนะนำมาด้วยนะคะวันนี้ดิฉันขับรถแล้วมีความสุขมากค่ะ แต่จะแอบทุกข์ก็ตอนที่วันนี้เจอรถติดเป็นกิโลเลยค่ะ ติดแบบไหลๆได้ เลี้ยงคลัชจนเมื่อยน่องไปหมดแล้วค่ะ เห็นใจเพื่อนนักขับที่เป็นเกียร์กระปุกแล้วต้องเลี้ยงคลัชเป็นชั่วโมงเลยค่ะ :D:

D-Max

D-Max

Guest

Webmaster

Webmaster

Admin

27 Oct 2013 18:59 #47

 เก่งมากค่ะ แต่ไม่อยากให้ขับ แบบจำเป็นนกแก้วนกขุนทองเลยค่ะ อยากให้ขับด้วยสัญชาตญาณและความชำนาญ ตอนนี้อาจจะต้องจำ ต่อไปใช้วิธีลองฟังเสียงเครื่อง สังเกตอาการของเครีื่องของรถดูว่าเมื่อเป็นแบบไหน ควรทำอย่างไร แทนการจำว่า เร่งเครื่อง จน 10 กม/ชม ค่อยเปลี่ยนเกียร์ ตามที่พูดหลายครั้งแล้วว่าที่บอกว่า เครื่องอยู่ที่เท่าไหร่ เข้าเกียร์ไหน เพราะเบื้องต้น นักเรียนเพิ่งฝึก จำเป็นต้องมีจุดให้เค้าจำ แต่เอาเป็นว่าฝึกฟังเสียงเครื่อง สังเกตอาการรถ เพราะเวลาขับรถจิงๆ จะนั่งมองหน้าปัดรถ คอยดูจังหวะเปลี่ยนเกียร์อย่างเดียวไม่ได้ เราต้องมองถนน ดังนั้นเรื่องที่ 1 ไม่ผิดทำถูกแล้วค่ะ แต่ฝากเรื่องที่กล่าวมา ว่าอย่าจำ อย่ามองแต่หน้าปัดรถ ฝึกฟังเสียงเครื่อง และอาการรถยนต์ด้วย สังเกตการเปลี่ยนแปลงของอาการรถประกอบด้วยนะคะ

เรื่องที่สอง ทำถูกต้องทุกอย่างค่ะ 
1. เหยียบคลัช 
2. เข้าเกียร์ 1
3. ปล่อยคลัชครึ่งนึง
4. กดคันเร่ง
5. พอรถพุ่งไปข้างหน้า ปลดเบรคมือลง
6. เติมคันเร่ง
7. เมื่อเครื่องคงที่ ยกเท้าออกจากคลัชได้
8. เมื่อวิ่งไปสักพัก เครื่องดัง ก็ Turn เกียร์ 2 ได้เลยค่ะ

ข้อผิดพลาดในกรณีที่กล่าวมา อยู่ที่ Step 6 หรือ 7 หรือ ทั้ง Step 6 และ 7 ไม่ งง นะคะ อธิบายอย่างนี้ พอปลดเบรคมือ รถพุ่งแล้วดับ เกิดจากสาเหตุมาตรฐานสากลในมือใหม่ คือ ปล่อยคลัชเร็วไป หรือ/และ ไม่เติมคันเร่งรถไม่มีแรง ได้แค่ส่งตัว แต่ไม่กดคันเร่งเร่งให้รถมีแรงเคลื่อนต่อ พอมันทะยานส่งตัว ไม่เติมคันเร่งให้มากขึ้น มันก็ได้แค่พุ่งส่งตัวแล้วดับ ดังนั้นวิธีแก้ คือ ต้องปล่อยคลัชให้ช้ากว่าเดิม และ เติมคันเร่งเร่งเครื่องด้วยหลังจากปลดเบรคมือ ตอนเข้าเกียร์ 1 ปล่อยคลัชครึ่งนึง กดคันเร่ง เอาเบรคมือลง อย่าเพิ่งยกเท้าออกจากคลัช เติมคันเร่งเร่งเครื่องให้รถขับขึ้นสะพาน เพราะเวลาที่รถขึ้นสะพานต้องการแรงมากกว่าปกติ พอเครื่องคงที่ค่อยๆ ยกเท้าออกจาคลัช ลองทำดูนะคะ แล้วเอาข้อบกพร่องมาแชร์ดู จะได้ฝึกแก้ไขไปที่ละเรื่องนะคะ

สำหรับคนที่มีปัญหาในการขับจริง สามารถเอามาแชร์กันได้นะคะ จากได้ช่วยกันหาวิธีแก้ไขจุดบกพร่อง แต่รบกวนนิดนึงนะคะว่าขอให้อธิบายให้ละเอียดนิดนึงนะคะ ตอนขับขับอย่างไรทำอะไรก่อนหลัง ไม่อย่างนั้นหนูจะเดาไม่ได้ว่ามันบกพร่องที่จุดไหน แล้วจะแก้ปัญหาไม่ถูกจุดค่ะ

Webmaster

Webmaster

Admin

D-Max

D-Max

Guest

29 Oct 2013 22:39 #48

อธิบายละเอียดจนเห็นสภาพของตัวเองเลยค่ะ ดิฉันปล่อยคลัชเร็วเกินไปค่ะ เพราะตื่นเต้นด้วยส่วนหนึ่งค่ะ และดิฉันเองไม่ได้เหยียบคันเร่งมากนัก คือ พอเหยียบคันเร่งจนเครื่องยนต์เริ่มดัง ดิฉันรู้สึกกลัวว่ารถมันจะพุ่งน่ะค่ะ ก็เลยผ่อนคันเร่งลงไปค่ะ และตอนที่เอาเบรคมือลง ก็ไม่ได้ค่อยๆเอาลงค่ะ แต่เอาลงพรวดเดียวเลยค่ะ ผลคือเครื่องยนต์ดับ แถมรถนี่รูดลงมาเร็วมากค่ะ แต่ดีที่ดิฉันไปฝึกบนเนินทางขึ้นอาคาร ซึ่งไม่มีใครใช้งานค่ะ แต่ถ้าเป็นถนนจริง ประกันคงมึนแย่เลยค่ะ:k:

อาทิตย์นี้ ดิฉันจะลองนำวิธีที่คุณได้แนะนำ มาลองทำค่ะ จะขึ้นๆลงๆอาคารไปเรื่อยๆค่ะ จนกว่าดิฉันจะบังคับรถได้โดยไม่ไหลค่ะ เพราะช่วงนี้มือใหม่อย่างดิฉันเจอรถติดตรงเนินลาดชันทีไร ต้องได้อัญเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาคุ้มครองรถดิฉัน และรถคันหลังทุกทีเลยค่ะ แล้วดิฉันไม่ได้ขับรถทุกวันค่ะ จะได้เอารถไปใช้ก็แค่วันเสาร์-อาทิตย์ค่ะ แต่ดิฉันจะพยายามทำให้ได้ค่ะ และจะมาแชร์ประสบการณ์ที่ได้เจอ รวมถึงการปฏิบัติแก้ไขในครั้งต่อๆไปนะคะ

ขอบคุณสำหรับพื้นที่ในการสอบถามข้อสงสัยต่าง รวมถึงคำแนะนำการขับรถที่ละเอียด และเข้าใจง่ายจากสไมล์สอนขับรถยนต์ด้วยนะคะ ขอชมคนเขียนอธิบายขั้นตอนการขับรถนะคะ คุณเขียนได้ละเอียด และเข้าใจง่าย สามารถทำให้มือใหม่สามารถนึกภาพตามได้เลยค่ะ ไม่แปลกใจเลยค่ะ ว่าทำไมนักเรียนของคุณถึงเยอะ เพราะทีมงานสอนน่ารัก และเข้าใจสภาพมือใหม่ได้ดีมากๆเลยค่ะ กด like ให้ร้อยครั้งค่ะ

D-Max

D-Max

Guest

D-Max

D-Max

Guest

11 Nov 2013 07:37 #49

หลังจากที่ได้ลองเอาข้อแนะนำที่คุณได้แนะนำมา ลองไปทำเองหลายๆรอบ ทำให้สามารถขับรถขึ้นคอสะพานได้ดีขึ้นค่ะ คือ ลองเอารถไปค้างตรงทางขึ้นสะพานที่ชันหน่อย แล้วปรับแก้ในเรื่องของการปล่อยคลัชที่เร็วเกินไปค่ะ จากเดิมที่ปล่อยทีเดียวหมด ก็เปลี่ยนเป็นค่อยๆยกเท้าขึ้นจากคลัชแค่ครึ่งหนึ่ง แล้วค้างไว้ประมาณนั้น ส่วนคันเร่ง จากเดิมที่กดคันเร่งแล้วปล่อยเพราะกลัวรถพุ่ง ก็เปลี่ยนเป็นกดคันเร่งไว้ ไม่ได้ผ่อนให้เบาลง รถมันจะเริ่มรู้สึกตึงๆเหมือนจะขยับไปด้านหน้า แล้วค่อยๆปลดเบรคมือลง รถก็สามารถเคลื่อนตัวขึ้นสะพานได้โดยไม่ดับค่ะ

(เมื่อวานไปหาสะพานข้ามคลองลองทำดู ยังมีดับบ้างค่ะ แต่รถไม่ไหลลงด้านหลังเพราะยังมีเบรคมือช่วยไว้ค่ะ) แต่ถ้าลองทำบ่อยๆ ก็น่าจะทำให้เข้าใจจังหวะของรถเรามากขึ้นค่ะ เพราะตอนนี้ถ้าวันไหนที่ได้ขับรถ เห็นสะพานว่างๆไม่ได้ค่ะ ต้องลองเอารถขึ้นไปลองวิชาอยู่เรื่อยค่ะ :-_-::-_-:

อีกเรื่องนึงค่ะ คือก่อนหน้านี้ที่เวลาขึ้นทางชันแล้วใช้เบรคมือช่วย ปรากฏว่ารถก็ยังสามารถถอยหลังลงไปได้นิดนึง (ประมาณ 50 ซม.) แต่พอคนที่บ้านนั่งไปด้วย ถึงได้รู้ว่าตัวฉันเองดึงเบรคมือขึ้นไม่สุด:q: ทั้งๆที่ฉันออกแรงดึงเต็มที่แล้ว(ก็เลยคิดว่าสุดแล้ว) แต่มันยังดึงขึ้นไปได้อีก ซึ่งพอดึงเบรคมือขึ้นจนสุดจริงๆ รถแทบจะไม่ไหลถอยหลังเลยค่ะ ซึ่งผู้หญิงหลายๆคนน่าจะเจอกรณีเดียวกันกับฉันบ้างรึเปล่าก็ไม่ทราบค่ะ เพราะถ้าดึงเบรคมือไม่สุด เราก็ต้องใช้เบรคเท้าช่วยเพื่อไม่ให้รถไหล ซึ่งเวลารถค้างคอสะพานหรือทางชัน เท้าซ้ายเราจะต้องเหยียบคลัช ส่วนเท้าขวาเราจะต้องเหยียบเบรค แล้วย้ายมาเหยียบคันเร่ง วุ่นวายดีจริงๆค่ะ แต่ถ้าเราดึงเบรคมือสุดจริงๆ เท้าเราจะประคองแค่คลัชกับคันเร่ง มือประคองเบรคมือไว้ ชีวิตก็ไม่วุ่นวายแล้วค่ะ

D-Max

D-Max

Guest

จ๊ะโอ๋

จ๊ะโอ๋

Guest

25 Feb 2014 15:34 #50

ซื้อรถได้ 3 wk มีปัญหามากเรื่องการขึ้นเนิน เพราะจะดึงเบรคมือไว้ เวลาจะออกตัว เท้าซ้ายเหยียบครัช เท้าขาวเหยียบคันเร่ง และวจะติดนิสัย ปลดเบรคมือก่อนเหยียบคันเร่างทำให้เครื่องดับ เพราะตั้งใจเกินไป จดจ่อเกินไปหรือเปล่า

จ๊ะโอ๋

จ๊ะโอ๋

Guest

จ๊ะโอ๋

จ๊ะโอ๋

Guest

25 Feb 2014 15:36 #51

ซื้อรถได้ 3 wk มีปัญหามากเรื่องการขึ้นเนิน เพราะจะดึงเบรคมือไว้ เวลาจะออกตัว เท้าซ้ายเหยียบครัช เท้าขาวเหยียบคันเร่ง และวจะติดนิสัย ปลดเบรคมือก่อนเหยียบคันเร่างทำให้เครื่องดับ เพราะตั้งใจเกินไป จดจ่อเกินไปหรือเปล่า
:r:

จ๊ะโอ๋

จ๊ะโอ๋

Guest

Webmaster

Webmaster

Admin

25 Feb 2014 22:05 #52

ปลดเบรคมือก่อน รถมันจะไหลลงนะคะ รถดับหน้าจะปล่อยคลัชเร็วเกินไปมากกว่านะคะ วิธีแก้ทำตามขั้นตอนตามนี้นะคะ 

1. เหยียบคลัช เข้าเกียร์ 1 เหยียบคันเร่ง 
2. ปล่อยคลัชมาครึ่งนึง ให้รู้สึกว่ารถกระตุกไปข้างหน้า
3. ปลดเบรคมือ
4. พอรถวิ่งอยู่ตัว ได้รอบ ก็ปล่อยคลัชหมด

Webmaster

Webmaster

Admin

พรทิพย์ ชำนาราช

พรทิพย์ ชำนาราช

Guest

6 Jun 2014 17:43 #53

ผมอยากรู้ว่ารถ6ล้อมันมี5+1เกียร์ถอยเหมือนรถกระบะหรือเปล่าครุับ

พรทิพย์ ชำนาราช

พรทิพย์ ชำนาราช

Guest

Webmaster

Webmaster

Admin

7 Jun 2014 10:12 #54

เหมือนกันค่ะ ลองดูได้เลย

Webmaster

Webmaster

Admin

nidnoy

nidnoy

Guest

30 Oct 2015 02:34 #56

อย่าเหยียบครัชขณะรถมีความเร็ว แล้วจะเปลี่ยนเกียร์ยังไงเกียร์สูง4,5

nidnoy

nidnoy

Guest

Post reply
CAPTCHA Image
Powered by MakeWebEasy.com