gift

gift

Guest

  มีการรับประกันมั๊ยคะ (1267 views)

17 Sep 2011 14:05

ถ้าลงเรียนหลักสูตร 10ชมแล้ว และพาไปสอบ มีการรับประกันมั๊ยคะ ว่าสอบผ่าน แล้ว ถ้าสอบไม่ผ่าน จะมีการพาไปสอบใหม่มั๊ยคะ จะมีการสอนเพิ่มจนกว่าจะสอบผ่านมั๊ยคะ ขอบคุนค่า

gift

gift

Guest

Webmaster

Webmaster

Admin

17 Sep 2011 15:26 #1

ถ้าใช้คำว่ารับประกัน คงไม่ใช่ซะทีดียวค่ะ แต่โรงเรียนพาไปสอบจนกว่าจะผ่าน คือ ถ้าสัปดาห์นี้ไม่ผ่าน สัปดาห์หน้าก็ไปสอบแก้กับทางโรงเรียนได้ โดยสอบเฉพาะท่าที่ตก โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมค่ะ 

จะมีการสอนเพิ่มหรือป่าว คงไม่มีค่ะ แต่มีการเน้นย้ำเทคนิคให้ก่อนลงสนามสอบทุกครั้ง ซึ่งจะทำให้เหมือนกันสำหรับนักเรียนทุกคน ปกติของการทำธุรกิจค่ะ ดังนั้นเมื่อเรียนจบคอร์ส คือ จบคอร์ส ทุกวันที่มีสอบ ถ้าสอบใหม่ เมื่อมีเวลาครูจะเทรนนักเรียนที่สนามให้ก่อนลงสนาม ถ้าสอบแก้ก็เหมือนกันถ้ามาเช้ามีเวลา ครูก็จะเทรนให้ข้างสนาม ดังนั้นนักเรียนที่ไปสอบแต่ละสัปดาห์ ครูจะปฏิบัติให้เหมือนกันทุกคน ถ้ามีนักเรียนน้อย แต่ละคนก็จะได้จับรถ ซ้อมอยู่ข้างสนามคนละหลายรอบหน่อย ถ้านักเรียนเยอะก็ต้องเฉลี่ย ๆ กันไป แต่ถ้าให้สอนใหม่ คือ ล๊อกชั่วโมงเรียน ในตารางคงไม่มีค่ะ  เพราะอย่างนั้นทุกโรงเรียนขาดทุนแน่นอน เช่น ลงเรียน 5 ชม ไม่ต้องให้เก่ง สอบไม่ผ่านโรงเรียน ทุกโรงเรียนต้องมาสอนนักเรียนใหม่ ถ้าเกิดสุดท้ายไปๆมาๆ สอนไป 20 ชม แล้วไม่ผ่าน โรงเรียนได้อะไร ถูกมั้ยค่ะ สำหรับคนที่ไม่ได้คิดอะไร พี่ก็เชื่อ่ามี แต่สำหรับคนที่คิดว่าทำยังงัยให้คุ้มที่สุด พี่ก็เชื่อว่ามี เช่นลงเรียนเลย 5 ชม แล้วสอบไม่ผ่าน เพื่อเรียนเพิ่ม เรียนๆๆๆ ไปเรื่อย ๆ จนตัวเองเก่ง พี่ก็เดาวาน่าจะมี เพราะเอาจริงๆ ทุกอย่างมันก็คือ ธุรกิจ มันจึงต้องมีข้อจำกัดอยู่บ้างค่ะ ดังนั้นหนูเปรียบเทียบง่าย ๆ เลย ว่า หนูสมัครเรียนกวดวิชา มีที่ไหน ที่เค้ารับรองว่าหนูจะเอ็นท์ติด เพราะอะไร การขับรถ มันต้องเรียนรู้เหมือนกับการเรียนหนังสือ ต้องฝึกฝน และขึ้นอยู่กับทักษะของแต่ละคนด้วย ดั่งหนูจะเห็นจากว่า หนูเรียนในห้องเรียนร่วมกับเพื่อน 50 คน ต้องมีคนที่ได้ที่ 1 และมีคนที่ได้ที่โหล่ ทุกคนความสามารถไม่เท่ากัน ดังนั้นการที่ครูจะให้ทุกคนยืนอยู่ที่จุดเดียวกันได้ สมมติว่าพี่เรียกว่าเส้นมีน คนที่เก่งเค้าเกินมีนอยู่แล้ว อันนี้ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับครู 10 ชม บางทีไม่ถึง 10 ชม เค้าก็ไปอยู่ในจุดที่ครูต้องการได้ สำหรับคนที่ต่ำกว่ามีน บางที 10 ชม ไม่พอสำหรับเค้าด้วยซ้ำ ทุกอย่างไม่ใช่แม้แต่เรื่องการขับรถ ถ้ามันไม่เก่ง สิ่งที่จะทำให้เก่ง ไม่ใช่ครู ครูเค้าถ่ายทอดให้ได้จุด ๆ นึง เมื่อเค้าถ่ายทอดจนหมดแล้ว ที่เหลือคือ นักเรียนต้องฝึกเพื่อแก้ไขจุดบกพร่องต่าง ๆ ที่เรายังทำได้ไม่ดีซึ่งต้องใช้เวลาพี่ก็บอกไม่ได้ว่าเท่าไหร่ เพราะทุกคนต่างกัน  เหมือนทำอาหาร วันนี้ทำเค็มไป ไม่อร่อย พรุ่งนี้ต้องลดเค็ม มันต้องลองต้องฝึกไปเรื่อยแหละ ดังนั้นบางทีลงเรียน 10 ชม จุดบกพร่องเรามีเยอะเลย ครูก็ทำอะไรไม่ได้ค่ะ แล้วถามว่าสมมติว่าเราไม่เก่งเลย ไม่มีทักษะเลยนะด้านการขับรถ ลงเรียน 10 ชม จะสอบผ่านหรอ พี่ตอบเลยว่ายังงัยก็ผ่าน พี่พูดเสมอเลยว่า การสอบใบขับขี่ อย่าเอามาเป็น objective ของการมาเรียนขับรถ สอบใบขับขี่เป็นเรื่องที่ง่ายที่สุดของการขับรถทั้งปวง เพราะสอบใบขับขี่คือพื้นฐานที่ครูสอนหนูในวันแรกที่เรียนเลยด้วยซ้ำ เดินรถทางเดียว ไม่ต้องตัดสินใจด้วยเวลาฉับพลันเหมือนเราขับบนถนน แต่ objective จริงๆ ของการมาเรียนขับรถ คือ ทำยังงัยเราถึงขับรถได้ดีและปลอดภัยไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ มาสอบ เรียนจบครูพาไปสอบใบขับขี่ ได้ใบขับขี่มา อยากให้คิดว่า มันเป็นแค่ผลพลอยได้ของการมาเรียนดีกว่าค่ะ

ดังนั้นถามพี่ว่าพี่รับประกันมั้ย ในแง่ของ commitment แบบ a 100% sure พี่ไม่รับประกันค่ะ แต่ถามพี่ว่า แล้วพี่เชื่อมั้ยว่าทุกคนจะสอบผ่าน พี่เชื่อ แต่จะกี่ครั้งพี่บอกไม่ได้ ถามว่ามีคนตกมั้ย มีค่ะ ทุกคนซ่อมแล้วผ่านมั้ย ผ่านค่ะ ต้องซ่อมกี่ครั้ง พี่ก็ตอบไม่ได้ แต่ปกติก็ซ่อมกัน 1 ครั้ง เกินกว่า 1 ครั้งมีมั้ย มีค่ะ สุดท้ายเค้าผ่านกันมั้ย ผ่านค่ะ เพราะอะไร การสอบไม่ผ่าน เรียกว่า หนูขับรถไม่เป็นหรือป่าว บางทีก็ไม่ใช่ค่ะ   บางคนเก่งมาก แต่ไม่ผ่าน เพราะทุกครั้งไม่ว่าสอบอะไร คนเรามีภาวะกดดัน ตื่นเต้น การลงสนามสอบใบขับขี่ มันวัดกันที่ว่าใครมีสติมากกว่าใครเท่านั้นแหละ ไม่ได้วัดที่ใครเก่งกว่าใคร ถ้าไม่เชื่อ เด้วลองดูแล้วลองกลับมาบอกพี่อีกทีก็ได้ว่าใช่หรือไม่ เพราะท่าสอบไม่ได้มีอะไรเลย เดินหน้าตรงถอยหลังตรง เทียบฟุตบาท (อันนี้ยากนิดหน่อย ถ้าไม่รีบเกินก็ผ่าน) ท่าที่ 3 ขับในสนามปฏิบัติตามกฎจราจร ถ้าไม่รีบจนลืมดูป้าย ทำให้ถูกตามที่ครูย้ำ ยังงัยก็ผ่าน แล้วถ้าถามอีกทีว่า การสอบใบขับขี่ผ่าน เรียกว่าขับรถเป็นหรือป่าว พี่ตอบได้เลยว่า บางทีก็ใช่ เพราะอย่างที่พี่บอกไปข้างต้นว่า ท่าสอบไม่มีอะไร เป็นท่าพื้นฐานวัดกันที่ใครมีสติมากกว่าใคร หากสามารถทำรถรถเคลื่อนตัวได้ (ซึ่งปกติถ้ามาเรียนขับรถทุกโรงเรียนสามารถสอนนักเรียนสามารถเคลื่อนรถได้ ภายในไม่เกิน 3 ชม) ก็สอบได้แล้วใบขับขี่ แต่หนูขับได้มั้ยบนถนน ถ้าเคยคุยกับพ่อ หรือคนที่ขับรถได้ เค้าจะบอกเสมอเลยว่า ขับรถไม่มีอะไรหรอก ง่ายนิดเดียว ฝึกบ่อย จับรถบ่อย วน ๆ ในที่โล่ง แล้วค่อย ๆออกถนน เดี๋ยวก็ได้แล้ว คือสุดท้ายก็จบตรงที่ว่าฝึกบ่อย ๆ เท่านั้นเอง ฝึกใช้ชินกะรถ ไม่กลัวการออกถนน ฝึกตัดสินใจ แต่จะฝึกแบบใด คือ กะโรงเรียนสอนขับรถ กะคนในครอบครัว เพื่อน หรือ ด้วยตัวเอง อันนี้เป็นแค่ช๊อยส์ จริง ๆ ค่ะ เพราะบางคนที่มีเรียน เพราะเรียนกะที่บ้านแล้วตีกันเอง พ่อหวงรถ เรียนกะรถโรงเรียนมีประกันทุกอย่าง ไม่มาเรียนกะโรงเรียนจะไม่รู้ท่าสอบ คือมาเรียนก็โรงเรียนก็ช่วยอำนวยการเรื่องการสอบกันไป ก็หลายเหตุผลสำหรับการมาเรียนขับรถ

เหมือนพี่ก็เคยพูดไว้ในเว็บบอร์ดนี้แล้วเรื่อง คำว่ารับรองผลที่ หลาย ๆ โรงเรียนใช้กัน มันไม่ยากที่จะใช้เพื่อให้คนมาเรียน เพราะอย่างที่พี่บอกไปข้างต้นเลยค่ะ การที่ทุกโรงเรียนจะสอนให้นักเรียนขับรถให้รถเคลื่อนตัวได้อะ ไม่เกิน 3 ชม ไม่มีอะไรที่เป็นเรื่องยาก สอนแล้วพาออกถนน ทุกโรงเรียนมี condition อยู่แล้วว่าพานักเรียนไปสอบใบขับขี่จนกว่าจะผ่าน ดังนั้นถ้าเราไป cliam เค้าว่า รับรองผลไง เรายังขับไม่ได้ด้วย ซ้ำ คำว่ารับรองผลของเค้า คือ ได้ใบขับขี่ ซึ่งทุกโรงเรียนพาไปจนได้ใบขับขี่อยู่แล้วค่ะ ถ้ารับรองผล หมายถึงว่า ขับเป็น เค้าก็จะบอกว่า เวลาสอบก็ต้องลงสนามคนเดียว จะบอกว่าไม่เป็น แล้วลงสนามสอบ ขับคนเดียวได้ใบขับขี่มาได้ยังงัย ตอนเรียนก็พาออกถนนแล้วนี่ จะเรียกว่าขับไม่ได้หรอ (คือ บางทีก็ข้าง ๆคูๆ เถียงไป โดยบางโรงเรียนไม่ย้อนไปดูด้วย ซ้ำว่าตอนที่พาออกถนน ใครคนขับ นักเรียนนั่งฝั่งคนขับก็จริง แต่ครูคอยช่วยประคองพวงมาลัยตลอด หรือครูคอยเหยียบเบรคตลอด หรือ ครูนั่งมองกระจกข้างแล้วคอยบอกว่า อ่า เปลี่ยนเลนส์ เปิดไฟเลี้ยว เข้าซ้ายครับ เหยียบคันเร่งนิดนึง ปิดไฟเลี้ยวครับ ระหว่างเปลี่ยนเลนส์ ครูคอยช่วยจับพวงมาลัยตลอด) โรงเรียนแบบนี้ก็มีค่ะ พี่ก็ไม่ได้โทษโรงเรียน เพราะก็เหมือนที่พี่พูดด้านต้น ว่านักเรียนพื้นฐานไม่เท่ากัน ถ้านักเรียนยังเป็นแบบนี้ ครูก็ควรกลับเข้าสนามสอนพื้นฐานจนกว่าเค้าจะใช้พวงมาลัยด้วยตัวเองได้ก่อน ก่อนพาเค้าออกถนน แล้วค่อยเรียนเรื่องการตัดสินใจ และกะระยะเปลี่ยนเลนส์ทีหลัง ดังนั้นถ้าชั่วโมงที่ลงไม่พอ ยังงัยครูก็ต้องบอกให้เพิ่ม แต่ประเด็นก็ที่นักเรียนด้วยแหละ การอยู่ในสนามไม่มีใครชอบ เพราะน่าเบื่อ และทรมานที่สุดแล้ว เดินรถทางเดียว วนเลี้ยวๆๆ จนกว่าจะคืนพวงมาลัยทัน รู้จังหวะการหมุน หรือคืนเมื่อไหร่ มันจำเจนักเรียนก็เบื่อ บางคนคิดว่าง่าย แต่มือใหม่ พวงมาลัยนี่ยากที่สุดแล้ว ไม่พูดถึงเกียร์ธรรมดานะคะ ยากยิ่งกว่านี่ --" พอให้อยู่ในสนาม บางคนก็ไม่ชอบ Anyway ไปเรียนดูแล้วขอคำแนะนำจากครู หรือ ให้ครูประเมินก้ได้ค่ะ รับรองว่าถ้าไม่จำเป็นต้องเพิ่มชั่วโมง ครูก็ไม่ให้เพิ่มหรอก เพราะกำไรก็น้อยลงด้วย แต่ถ้าครูให้เพิ่มก็ควรเพิ่ม เพราะเพิ่มอีก 5 ชม จ่ายเพิ่มอีกไม่ถึงพัน ได้ฝึกเพิ่มอีก 5 ชม แล้วมันทำให้ดีขึ้น ก็ดีกว่าเรียนไปแบบครึ่ง ๆ กลาง ๆ แล้วเด้วสุดท้ายไม่ได้ดี ต้องลงเรียนใหม่เสียเงินเพิ่มอีกเป็นคอร์สจะไม่คุ้มกัน

ที่พี่อธิบายมา พี่ตอบตามความเป็นจริง เป็นข้อเท็จจริง ไม่ใช่ คำว่ารับรองผลที่เค้าใช้กัน มันไม่ดี แต่มันมีนัยยะที่ทำให้หลายคนเข้าใจผิดได้ เพราะการที่เค้าบอกไม่หมด หรือดิ้นกันไปต่าง ๆ นานา ดังนั้นคำตอบพี่ อาจจะไม่ใช่สิ่งที่หลายคนอยากฟังที่สุด แต่มันคือ ความจริงที่สุด แล้วพี่ไม่ได้โกหก และพี่ก็เชื่อว่าทุกโรงเรียนก็แบบนี้เหมือนกัน สอบไม่ผ่านพาไปซ่อม ไม่ได้ถึงกับสอนให้ใหม่ แต่เทรนให้ก่อนลงสอบในวันที่มีสอบ แต่คำพูดหลายอย่างอาจจะทำให้ผู้สนใจเข้าใจผิดได้ เช่น สอบไม่ผ่านทางโรงเรียนสอนให้ใหม่ จริงๆ เค้าก็ไม่ได้สอนหรอก คือ ฝึกท่าสอบที่สนามให้หนูอีกทีก่อนลงสนามนั่นแหละ แล้วก็ต้องแบ่ง ๆ เพื่อนนักเรียนคนอื่นด้วย หนูไม่ต้องห่วงว่าครูจะดูแลคนใดคนหนึ่งเป็นพิเศษ ครูดูแลเหมือนกันทุกคน แล้ววันที่ไปสอบทุกคนจะเป็นเพื่อนกันไปในอัติโนมัต เพราะใช้เวลา 1 วันเต็มๆ หอบหิ้วกันไป ต่อคิว อบรม ปฏิบัติ คอยเอาใจช่วยเพื่อนกันตลอดเวลาทั้งที่ไม่เคยเจอกันมาก่อน พี่รับรอง เป็นวันที่เหนื่อยนิด แต่ก็ตื่นเต้น ใจหวิว อีก 1 วัน แล้วเจอกันค่ะ

 

Webmaster

Webmaster

Admin

gift

gift

Guest

18 Sep 2011 20:00 #2

ค่า เดี๋ยววันอังคารนี้ลองดูค่า
ขอบคุนค่า

gift

gift

Guest

Post reply
CAPTCHA Image
Powered by MakeWebEasy.com